คำถามเกี่ยวกับยา
โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
เรื่อง : ลิเทียม (Lithium)
- รักษาโรคทางจิตประสาท เช่น Bipolar disorder
- รักษาโรคซึมเศร้า (Recurrent unipolar depression)
- คลื่นไส้
- วิงเวียน
- มือสั่น
- ปัสสาวะบ่อย
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ท้องเสีย
- แคลเซียมในเลือดสูงผิดปกติ (เช่น คลื่นไส้ อาเจียน กระหายน้ำ ท้องผูก)
- น้ำหนักตัวเพิ่ม
- บวม
- มีอาการคล้ายภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน
- ห้ามใช้ยานี้กับ ผู้ป่วยโรคไตระยะรุนแรง ผู้ป่วยที่มีภาวะขาดน้ำ
- ห้ามใช้ยานี้กับ ผู้ป่วยที่เป็นโรคแอดดิสัน (Addison’s disease, โรคที่เกิดจากต่อมหมวกไตสร้างฮอร์โมนได้น้อยกว่าความต้องการของร่างกาย อาการเช่น อ่อนเพลีย น้ำตาลในเลือดต่ำ กล้ามเนื้อไม่มีแรง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ กระหายน้ำ)
- ห้ามใช้ยานี้กับหญิงที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
- ระวังการใช้ยานี้กับ ผู้ที่เป็นไข้ ผู้ที่มีอาการอักเสบติดเชื้อ
- ระวังการใช้ยานี้กับ หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีอารมณ์แปรปรวน
- การรับประทานยาลิเทียม ร่วมกับยาแก้ปวดบางตัว เช่นยา Tramadol อาจทำให้เกิดอาการชักขึ้นได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
- การรับประทานยาลิเทียม ร่วมกับยาขับปัสสาวะบางตัว เช่นยา Hydrochlorothiazide สามารถเพิ่มผลข้างเคียงของยาลิเทียมต่อผู้ป่วยได้ โดยอาจพบอากา รท้องเสีย คลื่นไส้ ง่วงนอน สั่น กระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อย กล้ามเนื้ออ่อนแรง การควบคุมการทรงตัวได้ไม่ดี หากจำเป็นต้องใช้ร่วมกัน แพทย์จะเป็นผู้ปรับขนาดการรับประทานให้เหมาะสมกับคนไข้
- การรับประทานยาลิเทียม ร่วมกับยาลดความดันโลหิตสูง เช่นยา Olmesartan อาจทำให้เกิดอาการ ง่วงนอน วิงเวียน สับสน ท้องเสีย คลื่นไส้ กล้ามเนื้ออ่อนแรง สั่น ตาพร่า กระหายน้ำมาก ปัสสาวะบ่อย เหล่านี้เป็นอาการคล้ายกับมีลิเทียมมากเกินในกระแสเลือด แพทย์จะเป็นผู้ปรับขนาดรับประทานเพื่อความเหมาะสมต่อผู้ป่วยเป็นรายๆไป
- การรับประทานยาลิเทียมร่วมกับยาต้านเศร้า อย่างเช่นยา Fluoxetine อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดกลุ่มอาการเซโรโทนิน Serotonin syndrome โดยมีอาการ รู้สึกสับสน ประสาทหลอน ชัก เกิดความเปลี่ยนแปลงของความดันโลหิต หัวใจเต้นเร็ว มีไข้ เหงื่อออกมาก ตาพร่า กล้ามเนื้อเกร็งตัว ปวดท้อง คลื่นไส้- อาเจียน และท้องเสีย หากไม่มีความจำเป็นควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน